ดัชนีมลพิษทางอากาศของมาเลเซีย (API) และดัชนีคุณภาพอากาศของสหรัฐอเมริกา (AQI) ซึ่ง AirVisual ใช้เป็นค่าเริ่มต้นมีดังนี้:

ดัชนีมลพิษทางอากาศของมาเลเซีย (ซ้าย) และสหรัฐอเมริกา ดัชนีคุณภาพอากาศ (ขวา) ที่ AirVisual ใช้เป็นค่าเริ่มต้น
​

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 มาเลเซียได้เพิ่ม PM2.5 ในการคำนวณดัชนีมลพิษทางอากาศ ซึ่งหมายความว่าขณะนี้มาเลเซียใช้ดัชนีมลพิษทางอากาศจากความเข้มข้นเฉลี่ยของมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ PM2.5, PM10, PM2.5, ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจน ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และโอโซน
​

ดัชนีมลพิษทางอากาศของมาเลเซียใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 24 ชั่วโมงสำหรับ PM2.5, PM10 และ SO2; ค่าเฉลี่ย 8 ชั่วโมงสำหรับ CO และ O3; และเฉลี่ย 1 ชั่วโมงสำหรับ NOx)

(AQI ของสหรัฐอเมริกาใช้ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสำหรับ PM2.5 แต่ AirVisual ใช้ความเข้มข้นรายชั่วโมงในการคำนวณ AQI เนื่องจากเราต้องการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์แก่ผู้คน เพื่อให้พวกเขาสามารถดำเนินการเพื่อปกป้องสุขภาพของพวกเขาได้ในกรณีที่จำเป็น )

AQI ของสหรัฐอเมริกาและ API ของมาเลเซียใช้สารมลพิษหกชนิดเดียวกัน และทั้งคู่ใช้สารก่อมลพิษที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสารมลพิษที่มีค่าดัชนีสูงสุด เพื่อกำหนดค่าดัชนีโดยรวม ในประเทศมาเลเซีย ค่า PM2.5 มักจะสูงที่สุด ดังนั้นจึงเป็นตัวกำหนดดัชนีคุณภาพอากาศโดยรวมหรือค่าดัชนีมลพิษทางอากาศเป็นส่วนใหญ่

สิ่งที่อาจแตกต่างกับ AQI ของสหรัฐอเมริกาคือความเข้มข้นของ PM2.5 ที่ใช้ในการพิจารณาว่าคุณภาพอากาศจัดอยู่ในประเภท “ดี” ขึ้นไปหรือไม่ มีความแตกต่างเล็กน้อยกับ PM10: ตัวอย่างเช่น สำหรับค่าระหว่าง 0-50 (“ดี”) ในดัชนีคุณภาพอากาศของสหรัฐอเมริกาหรือดัชนีมลพิษทางอากาศของมาเลเซีย ความเข้มข้นของ PM10 สามารถสูงถึง 54 µg/m³ ในระดับสหรัฐอเมริกา และสูงถึง 50 µg/m³ ในระดับมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่าง AQI ของสหรัฐอเมริกาและของประเทศอื่นๆ มักจะพบเห็นได้ในระดับความเข้มข้นของ PM2.5 ระดับความเข้มข้นของ PM2.5 ของกระทรวงสิ่งแวดล้อมมาเลเซียไม่มีให้บริการทางออนไลน์ ดังนั้น ขณะนี้เราไม่ทราบว่าพวกเขาคำนวณค่าดัชนีมลพิษทางอากาศ PM2.5 อย่างไร